เกิดเหตุการณ์สำคัญในนัดที่ สโลวาเกีย สามารถคว้าชัยเหนือ เบลเยียม 1-0 ในศึกยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มอี ที่สนาม แฟร้งค์เฟิร์ต อารีน่า เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567
ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 86 โรเมลู ลูกากู ดาวยิงชาวเบลเยียมพังประตูขึ้นนำ ท่ามกลางความดีใจของแฟนบอลปีศาจแดงแดนยุโรป แต่ไม่นานความปิติยินดีก็ต้องสลายไป เมื่อผู้ตัดสินได้รับสัญญาณจากห้อง VAR ก่อนตัดสินใจยกเลิกประตูนั้น เนื่องจากมีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นในจังหวะก่อนหน้า
ปมปัญหาเริ่มจากการที่ระบบใหม่ “สนิโก้” จับสัญญาณชีพจรที่เกิดขึ้นจากลูกบอล เมื่อมีการกระทบกับวัตถุ ทำให้ถูกส่งสัญญาณเข้าไปในห้อง VAR ที่มี บาสเตียน ดันเคิร์ต ผู้ตัดสินชาวเยอรมนีประจำการอยู่ จากนั้นจึงนำภาพช้ามาวิเคราะห์
หนทางสู่จังหวะปัญหา: โลอีส โอเปนด้าลากบอลจากริมเส้นเข้าเขตโทษแล้วเปิดให้ลูกากูซัดเสียบมุมสวย
ปรากฏว่าในจังหวะดังกล่าว โอเปนด้าได้สัมผัสบอลด้วยนิ้วมือโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ถือเป็นจังหวะแฮนด์บอลนั่นเอง ซึ่งหากปราศจาก “สนิโก้” เข้ามาเกี่ยวข้อง คงไม่มีผู้ใดจับจังหวะนี้ได้แน่นอน เพราะมันเกิดขึ้นเพียงชั่ววินาทีเท่านั้น แถมมุมมองของกรรมการในสนาม ฮาลิล อุมุต เมแลร์ ชาวตุรกี ก็มองไม่เห็นชัดเจน
เทคโนโลยีใหม่ในลูกบอล “ฟุสส์บอลลีเบอ” (ภาษาเยอรมันแปลว่า “ความรักในฟุตบอล”) นั้น มีการฝังไมโครชิพ IMU ความถี่ 500Hz เพื่อจับการสัมผัสอย่างแม่นยำ ช่วยลดภาระ VAR และ โกลไลน์ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการตัดสินที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในอนาคต
จังหวะกุญแจที่ทำให้ประตูลูกากูถูกยกเลิก
ไม่ว่าจะเป็นมุมสนามหรือภาพการแข่งขันก็ไม่อาจจับจังหวะผิดปกติได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ซ่อนอยู่ในลูกบอล “ฟุสส์บอลลีเบอ” นั้นทำให้ VAR สามารถตรวจจับจังหวะการสัมผัสบอลของ โอเปนด้า ได้อย่างแม่นยำ เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เสียงประตูต้องหายไป