คีเลียน เอ็มบัปเป ประท้วงสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส เรียกร้องชาวชาติโหวตต้านขวาจัด

ในงานแถลงข่าวก่อนเกมนัดเปิดสนาม ดาวยิงจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง ได้พาดพิงไปถึงสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่กำลังเลวร้ายลง โดยเตือนพลเมืองชาวฝรั่งเศสว่าขณะนี้พรรคการเมืองขวาจัดและแนวคิดสุดโต่งกำลังแพร่ขยายอำนาจ เขาจึงเรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อต้านภัยคุกคามดังกล่าว

“สถานการณ์ในประเทศของเรานั้นแย่มาก เราจำเป็นต้องลงมือทำบางอย่าง” เอ็มบัปเปเปิดปากวิจารณ์อย่างไม่ปิดบัง “ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าการเมืองสุดโต่งขวาจัดกำลังพยายามเข้ามายึดอำนาจ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

“เราเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีโอกาสกำหนดอนาคตของประเทศ ดังนั้นผมจึงอยากเรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศส โดยเฉพาะเยาวชน ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อต้านขวาจัดในการเลือกตั้งรอบนี้”

ฟุตบอลกับการเมือง ควรผสมกันหรือไม่?

คำพูดของกัปตันทีมตราไก่ที่พาดพิงถึงการเมืองภายในประเทศทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ทั้งจากสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศสเอง ที่เรียกร้องให้ทีมชาตินักเตะมีความเป็นกลาง และบอกว่าไม่ควรอาศัยฟุตบอลกลายเป็นประเด็นทางการเมือง รวมถึงความกังวลจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ผู้จัดการแข่งขันที่มีกฎเกณฑ์ค่อนข้างเข้มงวดกับการกระทำลักษณะนี้

อย่างไรก็ตาม เอ็มบัปเปเชื่อว่ายูฟ่าน่าจะไม่ต้องการให้เรื่องนี้เป็นที่สนใจในวงกว้าง ขณะที่ผู้จัดการทีมตราไก่ ดิดิเยร์ เดสซองส์ ก็ออกมายืนยันว่าปล่อยให้นักเตะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้อย่างอิสระ เพราะพวกเขาเป็นทั้งนักฟุตบอลและพลเมืองฝรั่งเศส จึงไม่ได้รับการยกเว้นหรือเพิกเฉยต่อสถานการณ์บ้านเมืองได้

การเมืองฝรั่งเศสครั้งใหญ่ กำลังจะเริ่มขึ้นในการเลือกตั้งสองรอบวันที่ 30 มิ.ย. และ 7 ก.ค. นี้ โดยมีการคาดการณ์จากผลสำรวจว่าพรรคขวาจัด RN จะได้คะแนนสูงสุด แม้อาจยังไม่ถึงขั้นตั้งรัฐบาลพรรคเดียวก็ตาม แต่หากเป็นจริง นี่จะเป็นรัฐบาลขวาจัดชุดแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

นอกจากคำเตือนของเอ็มบัปเปแล้ว เมื่อวันเดียวกันนั้นยังมีการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่ทั่วฝรั่งเศสเพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและต่อต้านแนวคิดสุดโต่งขวาจัดด้วย โดยมีผู้ร่วมชุมนุมรวมแล้วกว่า 250,000 คนทั้งประเทศ

สรุปได้ว่า ขณะที่ฟุตบอลยูโรกำลังเปิดฉากอย่างสนุกสนานอยู่นั้น สถานการณ์การเมืองครั้งสำคัญของฝรั่งเศสก็กำลังจะถึงจุดสูงสุดเช่นกัน ซึ่งเอ็มบัปเปก็คงไม่ใช่คนสุดท้ายที่จะหยิบยกประเด็นนี้มาพูดถึงบนเวทีกีฬาแน่นอน